“เลโก้” ผู้ผลิตของเล่นจากเดนมาร์ก เปิดเผยว่า บริษัทเลโก้ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดของอุตสาหกรรมของเล่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ในขณะที่ตลาดของเล่นเริ่มเข้าสู่ภาวะซบเซา ยังไม่รวมถึง ปัจจัยเรื่องกำลังซื้อของลูกค้าชาวจีนที่ฟื้นตัวขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์
สำหรับยอดขายของเล่นตัวต่อพลาสติกสีสันสดใสของ “เลโก้” ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ระดับ 4,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 1.4 แสนล้านบาท
“รัสเซีย” เจอฝูงโดรนถล่มครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เข้าโจมตี คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ลังเลี้ยงผึ้งหล่นจากรถบรรทุกในแคนาดา ฝูงผึ้ง 5 ล้านตัวแตกฮือ
ผู้นำญี่ปุ่น-ครม.สร้างความมั่นใจ โชว์รับประทานซาชิมิฟุกุชิมะ
แต่ถือว่าปรับตัวลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปี 2022 ที่เพิ่มขึ้นถึง 17 เปอร์เซ็นต์ และยอดขายช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 27 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ลดลงถึง 17.7 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 807 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 28,000 ล้านบาท
ด้าน “นีลส์ คริสเตียนเซน” ซีอีโอของบริษัทเลโก้ เปิดเผยว่า ค่อนข้างเป็น 6 เดือนที่ท้าทายมากสำหรับอุตสาหกรรมของเล่น เนื่องจากยอดขายผู้บริโภคของบริษัทเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับตลาดที่ลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่า “เลโก้” ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมาจากคู่แข่ง อย่าง “ฮาสโบร” (Hasbro) และ “แมทเทล” ผู้ผลิตบาร์บี้ได้
“ครึ่งปีนี้ ตลาดของเล่นซบเซาลง 7% ซึ่งในตัวเองก็ถือว่าผิดปกตินิดหน่อยและท้าทายมากขึ้น ตอนนี้เราโตเร็วกว่าตลาด เราครองส่วนแบ่งการตลาด และเติบโตเร็วกว่าตลาด 10% ดังนั้น เราจึงมีอัตราการเติบโตที่เป็นบวกถึง 3% แม้ตลาดจะซบเซา แต่ก็มีความท้าทายของผู้เล่นในตลาดมากกว่าปกติ”คริสเตียนเซนกล่าว
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของบริษัทเลโก้ ปรับคาดการณ์การเติบโตของยอดขายทั้งปีว่าจะอยู่ที่ระดับเลขหลักเดียวเท่านั้น
“เลโก้” เปิดร้านใหม่ 89 แห่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี และวางแผนจะเปิดร้านให้ได้ทั้งหมด 150 แห่งในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สาขาทั่วโลกของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,050 แห่ง ซึ่งคริสเตียนเซ่น แสดงความเชื่อมั่นว่า เลโก้ยังสามารถเดินหน้าเปิดร้านใหม่ในระดับคงที่ ลักษณะนี้ได้อีก 5 – 10 ปี